ทำไมคนรวยถึงรวยขึ้น
เพราะ เขามี Mindset และการลงมือทำแบบคนรวย ไม่ใช่เพราะเขามีเงินเยอะ
เวลาที่เราอยากรวย สิ่งที่เราต้องทำตามคือ ความคิดและการลงมือทำของคนรวย เงินไม่ได้ทำให้คุณรวย แต่การบริหารจัดการเงินต่างหากจะทำคุณรวย เคยเห็นคนมีเงินเยอะ ๆ เช่น ถูกหวยรางวัลที่ 1 , ได้มรดก ,ได้รางวัลพิเศษมา หลักหลายสิบล้าน แต่สุดท้ายเงินก็หมด กลับไปมีชีวิตแบบเดิมหรือแย่กว่าเดิมไหม
นั่นแหละเพราะเขามีเงิน แต่เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน ตรงกันข้ามถ้ามองไปที่มหาเศรษฐีทั่วโลก ส่วนใหญ่เขาเริ่มจากติดลบ หรือมีเงินน้อยมากในช่วงแรกด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ และกลายเป็นคนร่ำรวย คือวิธีคิดและการลงมือทำแบบคนรวย ถ้าแกะจริง ๆ ครูส้มเห็นอยู่ 5 ข้อที่คนรวยมีเหมือนกัน
คนรวยเขาจ่ายให้ตัวเองก่อนจ่ายให้คนอื่น โดยเฉพาะในเรื่องจ่ายค่าความรู้ให้ตัวเอง เป็นการลงทุนที่ดีที่สุด
นี่คือ Mindset ของคนจะรวย เพื่อทำให้ตัวเองเสียเวลาน้อยที่สุด ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เพราะเขารู้ว่าค่าความไม่รู้แพงกว่าค่าความรู้ ตรงข้ามกับคนทั่ว ๆ ไป ที่จะจ่ายเงินให้คนอื่นก่อนเสมอ แต่เข้าใจว่าจ่ายให้ตัวเอง เช่น ซื้อของใช้ฟุ่มเฟือย กินอาหารหรู ๆ ซื้อของแพง ๆ เที่ยวพักผ่อน ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี แต่จะดีกว่านี้ คือ คุณเอาเงินที่เป็นผลตอบแทน จากการลงทุนมาใช้จ่ายส่วนนี้แทน (แบบคนรวย)
คุณรู้ไหม
คนรวยเขาเอาเงินที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มาจากเงินเพียง 10 % ของรายได้ตัวเองมาใช้ (และส่วนนี้คือ ผลตอบแทนจากที่เขาลงทุนด้วย) คนรวยเลยรวยขึ้น เพราะเขาลงทุนในความรู้ก่อน แล้วให้ความรู้เป็นเครื่องผลิตเงินให้เขา ใช้จ่ายจากเงินเหลือ ๆ จากเครื่องผลิตเงินของเขา
คนรวยจะไม่กลัวปัญหาและความล้มเหลว เพราะเขารู้ว่านี่แหละคือ บันไดแห่งความสำเร็จ เขาจะเรียนรู้จากปัญหาและความล้มเหลวที่เกิดขึ้น เพื่อเอามาปรับปรุงในครั้งต่อไป และทำต่อไปจนสำเร็จ
“ลองล้มเหลว เรียนรู้ ปรับปรุง เพื่อสำเร็จ” อย่าล้มเหลวโดยไม่ได้เรียนรู้อะไรจากมัน
ทุกปัญหาและความล้มเหลว คือ ประสบการณ์ราคาแพง ที่คนสำเร็จทุกคนต้องเจอ ท่องไว้ ปัญหา คือ สปริง เพื่อทำให้คุณได้ก้าวกระโดด ย่อตัวให้สุด กระโดดใส่สปริงปัญหา แล้วก้าวกระโดดให้มากกว่าเดิม ให้คนที่นินทาคุณอยู่อ้าปากค้างไปเลย
คนรวยเขาจะทำงานที่มันมีพลังทวี (Leverage) คือทำน้อยแต่ได้มาก เขาจะไม่ใช้แรงของตัวเองเท่านั้น เพราะมันมีข้อจำกัดของเวลาและเเรง คุณไม่มีทางรวยได้จากการใช้แค่ตัวเอง เพราะ คุณมีแรงในการทำงานและเวลาจำกัด แค่ 24 ชั่วโมง
ดังนั้นคนรวยจะหางานหรือการลงทุนที่มีพลังทวี
OPM = Other People Money (ใช้เงินคนอื่นทำงาน)
OPE = Other People Experience (เรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นที่สำเร็จแล้ว)
OPI = Other People Idea (ใช้ไอเดียจากคนเก่งคนอื่น ๆ มาเป็นที่ปรึกษา)
OPT = Other People Time (ใช้เวลาคนอื่น การจ้างคนมาทำงานที่ทำแทนคุณได้)
การที่คุณทำเองทั้งหมดอาจจะใช้เวลาหลาย 10 ปี แต่การใช้พลังทวีเหล่านี้คุณจะสำเร็จเร็วขึ้นเป็น 10 ปีเช่นกัน นี่คือสิ่งที่คนจะรวยทุกคนเขาต้องรู้ (แต่คนส่วนใหญ่รู้ แต่ไม่ทำ เลยไม่รวยสักที)
คนรวยเขาเสียใจ 3 วินาที ดีใจ 5 วินาที แล้วไปต่อ เพราะ เขาจะไม่เสียเวลากับสิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ถ้าสำเร็จ ก็ดีใจแค่ 5 วินาที เยสฉันทำได้ แล้วรีบไปต่อ เพราะ ถ้ามัวแต่ดีใจนาน ฉลองนาน คนอื่นอาจแซงคุณไปได้เลย โดยเฉพาะสังคมปัจจุบันที่เทคโนโลยีพาคนเก่งได้เร็วมาก คุณต้องเรียนรู้และต้องก้าวให้ทันเสมอ ถ้าล้มเหลว ก็รีบเสียใจให้สั้นที่สุด 3 วินาทีพอ ฮึ้บ ปาดน้ำตาแล้วรีบลุกแล้วไปต่อ อย่ามาเสียเวลาเศร้าอยู่ตรงนี้นาน คิดอยู่เสมอความสำเร็จมันรอเราอยู่ ถ้ามัวแต่มานั่งเสียใจ เมื่อไหร่คุณจะสำเร็จ
“คนรอสมน้ำหน้าคุณอยู่ อย่าทำให้มันสมหวัง ลุกขึ้น ลุยต่อ เอาความสำเร็จไปฟาดหน้ามัน ”
คนรวยจะชอบโจทย์ยากและทำแตกต่างจากคนส่วนใหญ่เสมอ เพราะ คนรวยเป็นคนส่วนน้อย (5%) ดังนั้น ถ้าคุณทำและใช้ชีวิตเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณก็จะได้เป็นคนส่วนใหญ่ (95%) อยากเป็นคนรวยคุณต้องรับโจทย์ยาก เพราะ คนทั่ว ๆ ไปชอบอะไรที่ง่าย ๆ ลงทุนง่าย ๆ ทำงานง่าย ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ คือ โดนหลอกบ้าง เจ๊งบ้าง ไปตามระเบียบ
ผลลัพธ์ในชีวิตคุณ มันขึ้นอยู่กับโจทย์ที่คุณแก้ปัญหา
ถ้าคุณแก้ปัญหาหลักร้อย คุณก็ได้รายได้หลักร้อย ถ้าคุณแก้ปัญหาหลักพัน คุณก็ได้รายได้หลักพัน แต่ถ้าคุณอยากได้เงินหลักล้าน นี่คือ 5 ข้อที่ครูส้มแกะคนรวยมาให้พวกเรา ทำได้ครบ 5 ข้อ ก็เตรียมตัวเป็นคนรวยคนถัดไป คุณต้องแก้ปัญหาหลักล้านได้
ใครอยากเป็นคนรวยคนต่อไป
พิมพ์ว่า “คนรวย”
ครูส้มส้ม